รวม 15 ที่เที่ยว โตเกียว ที่ไม่ควรพลาดแวะเช็คอิน เมื่อไป เที่ยวญี่ปุ่น

0
450
รวม 15 ที่เที่ยว โตเกียว ที่ไม่ควรพลาดแวะเช็คอิน เมื่อไป เที่ยวญี่ปุ่น

เมื่อเดินทางไปญี่ปุ่น ที่เที่ยว โตเกียว มีหลากหลายสถานที่ให้เราได้แวะ ทั้งสถานที่สำหรับเด็ก ผู้ใหญ่ ช้อปปิ้ง วัด ธรรมชาติ หรือความทันสมัย รวมถึงจุดแลนด์มาร์คสำคัญๆ ต่างๆ ของโตเกียวที่เพื่อนๆ ก็ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนญี่ปุ่น ที่ที่นักท่องเที่ยวต้องไปเชคอินหรือถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ซึ่งหากได้ไล่เก็บให้หมดได้ ก็เหมือนกับได้ทำภารกิจเก็บ Check point ไปด้วยเพลินๆ โตเกียวเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยมีสีสันและเสน่ห์หลากหลาย แต่ละสถานที่ล้วนมีชื่อเสียงและเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปเที่ยวชม โดยวันนี้เราจะมาเผยข้อมูลการเดินทาง ข้อมูล รายละเอียด ให้ได้เที่ยวสนุก ไม่ต้องกลัวหลงกันอีกต่อไป

ส่อง 15 ที่เที่ยว โตเกียว ยอดนิยม ไปแล้วไม่แวะถือว่าพลาด

1. โตเกียวทาวเวอร์ : Tokyo Tower

ที่เที่ยว โตเกียว เดินทางไป โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower)

แลนด์มาร์คเบอร์ 1 โตเกียวที่ชัดเจนที่สุด ซึ่งสร้างขึ้นด้วยแรงบรรดาลใจจาก หอไอเฟล โดยมีความสูง 333 เมตรน้อยกว่าหอไอเฟลเพียง 13 เมตร สร้างเสร็จในปี 1958 และปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวใช้จุดชมวิว 150 และ 250 เมตร โดยมีชั้น 1 เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ชั้นที่ 3 โชว์หุ่นขี้ผึ้งที่ชั้น และชั้นที่ 4 พิพิธภัณฑ์ศิลปะ หากหิวมีร้านอาหารรองรับ ทั้งของคาวและของหวาน ได้เดินชมอย่างเต็มอุรา อ่อ ! ลืมบอกที่โตเกียวทาวเวอร์ มีสวนสนุกวันพีช (One Piece) มังงะชื่อดังด้วย หากไปอย่าลืมถ่ายรูปกันไว้ละ

ค่าเข้าชม : Main observatory: 900 เยน , Special observatory: 1600 เยน
เวลาเปิด-ปิด : Main observatory: 9:00 – 22:00 น. , Special observatory: 9:00 – 21:30 น.
วิธีเดินทาง : ลงสถานี Akabanebashi Station เดินต่อประมาณ 10 นาที


2. โตเกียวสกายทรี : Tokyo Skytree

วิธีเดินทาง ไป โตเกียวสกายทรี Tokyo Skytree

สร้างเสร็จในปี 2012 และกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น เป็นจุดกระจายคลื่นโทรทัศน์และวิทยุประจำภูมิถาคคันโต มีความสูง 634 เมตร มีจุดชมวิวที่ชั้น 3 สูง 350 เมตร มีร้านอาหาร แหล่งช็อปปิ้งหลากหลาย ที่สามารถเที่ยวทีเดียวได้ครบหมด สิ่งที่น่าสนใจคือ ชั้น 4 ที่วิว 450 เมตร มีทางเดิน Skywalk ที่สูงที่สุดในโลก และวิวจะได้มุมกว้างมากกว่าของ โตเดียวทาวเวอร์ เพราะความงที่มากกว่า มีจุดขายของที่ระลึกเหมาะกับซื้อไปฝากคนรู้จัก โดยในยามเย็นจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมารอชมพระอาทิตย์ตกดินกัน อยากให้ลองมากัน สวยมาก

ค่าเข้าชม : จุดชมวิว 350 เมตร ผู้ใหญ่ 2,060 เยน, เยาวชน(12-17) 1,540 เยน, เด็ก (6-11) 930 เยน , ก่อนวัยเรียน 620 เยน ,จุดชมวิว 450 เมตร ผู้ใหญ่ 1,030 เยน เยาวชน(อายุ 12-17 ปี)820 เยน เด็ก (อายุ 6-11 ปี) 510 เยน เด็กก่อนวัยเรียน 620 เยน
เวลาเปิด-ปิด : 8:00 – 22:00 น.
การเดินทาง :

  • เดินจาก จากอาสากุสะ 20 นาที
  • ลงสถานีรถไฟ Tokyo Skytree Station (Tobu Isesaki Line) เดิน 5 นาที
  • ลงสถานีรถไฟ  Oshiage Station (Asakusa Subway Line) เดิน 5 นาที

3. วัดเซนโซจิ : Sensoji Temple หรือ วัดอาซากุสะ

วิธีเดินทาง ไป วัดเซนโซจิ : Sensoji Temple

คนไทยรู้จักและเรียกกันง่ายๆว่า วัดโคมแดง เพราะว่ามีโคมแดงเด่นเป็นสัญลักษณ์ที่ทางเข้าและด้านในวัด มีอายุเก่าแก่สร้างมา 1,000 ปีก่อน เป็นโบราณสถานที่ผสมลงตัวกับเมืองที่ทันสมัย เป็นจุดที่เห็นและพบได้ในง่ายในดาวน์ทาวน์ย่านอาซากุซะ โตเกียว มีของที่ระลึกขาย พวงกุญแจ ตุ๊กตาจิ๋ว เครื่องรางนำโชค และ ขนมญี่ปุ่น มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยมีเทศกาลในวันที่ 3 พฤศจิกายน ของทุกปี , เดือนธันวาคม และ ฤดุใบไม้ผลิ

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : วัดเปิด24 ชั่วโมง , ศาลาวัด 6:00 – 17:00 (ตุลาคม – มีนาคมเปิด 6:30 – 17:00)
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟสายสีส้ม Ginza Line ไปลงสถานี Asakusa (G19) ทางออก 1 หรือ 3 เดินต่อประมาณ 5 นาที


4. พระราชวังอิมพีเรียล : Tokyo Imperial Palace

วิธีเดินทาง ไป พระราชวังอิมพีเรียล : Tokyo Imperial Palace

ปราสาทที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ คูน้ำ และกำแพงหิน ปัจจุบันเป็นที่ประทับของราชวงศ์ญี่ปุ่น โดยมีสะพานแว่นตานิจูบาชิ (Nijubashi Bridge) ใกล้ๆกันมีสวนตะวันออกพระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace East Garden) นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกัน โดยปราสาทนี้ถูกสร้างเมื่อมีการย้ายเมืองหลวง จากเกียวโตมาอยู่เป็นโตเกียว และเป็นที่ประทับใหม่แทนปราสาทเอโดะ โดยพื้นที่โดยรอบมีลู่วิ่ง ลู่จักรยานและทางเดิน เป็นที่นิยมของคนรักสุขภาพ และเป้าหมายของนักท่องเที่ยงในการไปลองวิ่งสักครั้ง

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : มีนาคม-ตุลาคม 9:00-16:30 , พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ 9:00-16:00 เข้าชมก่อนปิด 30 นาที
วันปิดทำการ : วันจันทร์, ศุกร์ (หากวันหยุดราชการตรงกับจันทร์และศุกร์ปิดวันถัดไปแทน) วันที่ 28 ธันวาคม – 3 มกราคม
การเดินทาง : รถไฟฟ้าใต้ดินสาย Marunouchi Line ลงสถานี Tokyo ทางออก Marunouchi Central Exit แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที


5. สวนสาธารณะ อุเอะโนะ  : Ueno Park

วิธีเดินทาง ไป Ueno Park

สวนสาธารณะที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุด ใจกลางกรุงโตเกียว มีวัดศาลเจ้า ทะเลสาป สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ และต้นไม่ใหญ่ บนพื้นที่ 530,000 ตารางเมตร เป็นที่นิยมเมื่อถึงฤดูเทศกาลฮะนะมิ เพื่อเข้ามาชมดอกซากุระบานเต็มพื้นที่ เป็นแหล่งชมดอกซากุระที่ใกล้ที่สุดของคนเมือง โดยคนญี่ปุ่นและนั่งท่องเที่ยวสามารถเดินเล่น นั่งพักผ่อนหย่อนใจได้สบายใจ เพราะมีพื้นที่กว้างขวาง โดยใกล้ๆมีร้าน Takeya ขายสินค้าราคาถูกปลอดภาษี นักท่องเที่ยวที่ทราบจะมักซื้อเพื่อเป็นของฝากกลับประเทศตัวเอง

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : 5:00 – 23:00 น.
การเดินทาง : รถไฟสายสีส้ม Ginza Line หรือ สายสีเทา Hibiya Line สถานี Ueno (G19) (H17) ใช้ทางออกหลัก Main Exit เมื่อออกมาเจอถนนให้เลี้ยวซ้าย จะพบบันไดขึ้นสวน


6. ชิบูย่า , ชิบูยะ : Shibuya

วิธีเดินทาง ไป ที่เที่ยว โตเกียว ชิบูยะ : Shibuya

5 แยกชิบูย่า ศูนย์รวมของวัฒนธรรมวัยรุ่นของเมืองโตเกียว ที่มี แฟชั่น เสื้อผ้า รองเท้า นาฬิกา และ สินค้าอื่นๆมากมาย สามารถเดินทางไปช็อปปิ้งต่อที่อื่นได้สะดวก โดยภาพผู้คนพลุกพล่านบนทางม้าลายเป็นเอกลักษณ์ของ 5 แยกนี้ ซึ่งเคยเป็นโลเคชั่นถ่ายหนังระดับโลกอย่าง Fast and furious 3 : Tokyo Drift มาแล้ว โดยมีห้างสรรพสินค้ามากมายและมอนิเตอร์จอยักษ์ ที่ทำให้เมืองดูมีสีสันแม้ในยามกลางคืน นักท่องเที่ยวมักมาถ่ายรูปที่แยกกลางถนน เพื่อเช็คอินว่าเดินทางถึง ชิบูยะ แล้ว

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดตลอด
การเดินทาง : นั่งรถไฟ Hanzomon Line หรือ สายสีส้ม Ginza Line สถานี Shibuya (Z01) (G01) ออกทาง Hachiko Exit แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที


7. ศาลเจ้าเมจิ : Meiji Jingu

วิธีเดินทาง ไป ศาลเจ้าเมจิ : Meiji Jingu

ศาลเจ้าแบบชินโต สร้างเพื่ออุทิศให้กับจักรพรรดิเมจิ และราชินีโชเคง มีความยิ่งใหญ่อลังการจากต้นไม้ที่มีมากกว่า 100,000 ต้น จากต้นไม้ที่ถูกส่งมาจากทั่วประเทศ และใช้การบริจาคให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ จึงทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างมากสำหรับชาวญี่ปุ่น โดยหากได้มีโอกาศไปควรเข้าชมด้วยความสำรวม ทางเข้าเข้ามีเสาโทโรอิขนาดใหญ่ โค้งคำนับ 1 ครั้งทั้งขาเข้าและออก ชำระล้างมือ บ้วนปากหน้าศาลเจ้า ก่อนเข้าด้านใน โดยที่ญี่ปุ่นไม่นิยมการนับถอยหลังสิ้นปี แต่จะมีการเข้าวัดเข้าศาลเจ้าในช่วงสิ้นปีและขึ้นปีใหม่ จึงจะมีคนมากในช่วงนั้น

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : เปิด-ปิด ยึดตามพระอาทิตย์ขึ้น-พระอาทิตย์ตกดิน ในแต่ละเดือนเวลาเปิด – ปิด จะไม่ตรงกัน
การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Yamanote Line ลงสถานี JR Harajuku และเดินต่อประมาณ 5 นาที


8. ตลาดปลาซึกิจิ : Tsukiji Fish Market

วิธีเดินทาง ไป ตลาดปลาซึกิจิ : Tsukiji Fish Market

ตลาดปลาแห่งแรกของเมืองโตเกียว และศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนปลาขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีปลาและสัตว์น้ำกว่า 2,000 ตันต่อวัน โดยมีการประมูลปลาทูน่าในช่วงเช้ามืด เป็นไฮไลต์ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมด้วย แต่จำกัดเพียงวันละ 120 คนเท่านั้น โดยแบ่งเป็น 2 โซนคือด้านใน เป็นที่คุยธุรกิจและประมูลปลา ส่วนด้านนอกเป็นร้านขายปลีกที่เปิดเรียงราย และไม่ได้มีแค่ปลาแต่ยังมีผักผลไม้ขายด้วย โดยท่านใดสนใจโปรดตรวจสอบข้มูลให้แน่ใจอีกครั้ง เพราะกำลังมีโครงการย้ายตลาดไปอยู่ที่เกาะ โอไดบะ ท่านใดเป็นการซูชิหรือชอบปลาดิบ ควรมาชมให้ได้สักครั้ง

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : 3:00 – 14:00 น.
การเดินทาง :

  • ลงสถานี Tsukiji Shijo Station (Oedo Subway Line) เดิน 3 นาที
  • ลงสถานี Tsukiji Station (Hibiya Subway Line) เดิน 5 นาที
  • ลงสถานี Shimbashi JR Station เดิน 15 นาที

9. โอไดบะ : Odaiba

วิธีเดินทาง ไป โอไดบะ : Odaiba

เมืองโอไดบะ เป็นอีกเมืองที่เกิดขึ้นจากการถมทะเล อยู่บริเวณอ่าวโตเกียวและมีการพัฒนาต่อเนื่องกลายเป็นเขตธุรกิจสำคัญไปแล้ว มีสถานบันเทิงทันสมัย แฟนชั่น สวนสนุกระดับโลก โดยตัวเมืองเชื่อมต่อกับโตเกีนวจากสะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) มี 2 ชั้น ช่วงกลางคืนมีไฟประทับทำให้มีความสวยงาม พร้อมกับรูปปั้นจำลองเทพีเสรีภาพในยามค่ำคืนด้วย ความภาคภูมิใจของเมืองนี้นังมีอีกมาก เช่น ชิงช้าที่สูงที่สุดในโลก 115 เมตร เมืองจำลองแนวยุโรปศตวรรษ 18 และไฮไลท์ที่โด่งดังที่สุดคือ หุ่นตนย์กันดั้มเท่าตัวจริง โดยตัวปัจจุบันมีชื่อว่า RX-0 Unicorn Gundam ส่วนการเดินทางมีเส้นทางรถไฟให้บริการ จึงไม่ต้องกลัวว่าจะเดินทางยาก

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : ห้างร้านค้า อาหาร 11:00-น. เวลาปิดแล้วแต่สถานที่ (18.30-23.00)
การเดินทาง : รถไฟสายยูริคาโมะเมะ (Yurikamome line) จากสถานีชิมบาชิ (Shimbashi)


10. คาบูกิโจ , คะบุกิโช : Kabukicho

วิธีเดินทาง ไป คะบุกิโช : Kabukicho

สายปาร์ตี้ตามมาเลย สำหรับย่านนี้ที่ชื่อมีที่มาจากละครคาบูกิที่กินซ่า (Kabuki theater) มีสถานบันเทิงยามราตีที่ไม่เคยหลับใหล มีความคึกคักจาก ผับ , บาร์ , ไนท์คลับ , ร้านปาจิงโกะ และร้าน 18+ ที่จะมีความคึกคักยามราตีทั้งวัยรุ่นในญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวที่ชอบแวะเที่ยว มาเปิดโลกในมุมมองค่ำคืนแบบญี่ปุ่น ซึ่งหากได้เดินทางไปตอนกลางวันก็มีผุ้คนเดินขวักไขว่ แต่เมื่อตกดึกเมื่อไหร่ก็จะเปลี่ยนไปอีกอารมณ์ กับการเป็นอีกเมืองที่มีแสงสีเสียงทุกซอกทุกมุม

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : แต่ละสถานที่มีเวลาเปิด-ปิดแตกต่างกันออกไป เริ่มประมาณ 18.00 น.
การเดินทาง : ลงสถานีรถไฟ JR Shinjuku Station เดินต่อประมาณ 7 นาที จะถึงทางเข้าป้ายใหญ่สีแดง


11. ชินจูกุ : Shinjuku

วิธีเดินทาง ไป ชินจูกุ : Shinjuku

ศูนย์กลางการปกครองและท่องเที่ยว วัฒนธรรม แฟนชั่น สินค้า เครื่องใช้ไฟฟ้า บันเทิง ธุรกิจ ที่ดูจะมีทุกอย่างครบครันในเขตชินจูกุ จึงได้รับการยกเป็น 1 ใน 23 เขตพิเศษของโตเกียว สถานีรถไฟฟ้าเป็นใจกลางหลักในย่านนี้มีผู้คนมากมายกว่า 3 ล้านคนต่อวัน โดยเมืองแบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือทิศตะวันตก เป็นย่านธุรกิจ โรงแรมหรู ห้างสรรพสินค้า รวมถึงอาคารศาลาว่าการ และฝั่งทิศตะวันออก คือย่านค้าขาย แฟนชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ของมือสอง ร้านอาหาร ของกิน สถานบันเทิง และการแบ่งที่ชัดเจนเช่นนี้ เป็นผลดีแก่นักท่องเที่ยวอย่างมาก

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : ตลอดทั้งวัน
การเดินทาง : JR Yamanote Line, Chuo Line, Saikyo Line, Shonan-Shinjuku Line / Tokyo Metro Marunouchi Line / Toei Shinjuku Line / Odakyu Line / Keio Line


12. ฮาราจุกู : Harajuku

วิธีเดินทาง ไป ฮาราจุกู : Harajuku

สายแฟชั่นต้องมาโดน กับแหล่งช้อปปิ้งนี้ที่เป็นที่สุดของความล้ำ การแต่งตัว แฟนชั่น คอสเพล์ ของเล่นแปลกๆ ของวัยรุ่นญี่ปุ่น ที่จะเห็นเห็นได้จากสื่อต่างๆ กับความหลุดโลก สีจัดจ้าน เพราะที่นี่ตั้งตรงกลางระหว่าง ชิบูย่าและชินจูกุ ทำให้เป็นจุดกนัดหมายของวัยรุ่นจะมารวมตัวที่นี้ ถ้าเปรียบในไทยก็คือแถวสยามบ้านเรา ซึ่งจะมีตรอกซอกซอยเล็กมากมาย เพื่อเดินไปช้อปร้านเสื้อผ้า รองเท้ามากมาย รวมถึงของกินที่จะมีแอบซ่อนตามทางอยู่ทั่ว เช่น ถนนทาเคชิตะ (Takeshita Dori) ที่ขึ้นชื่อเรื่องเครปที่อร่อยและน่าทาน นักท่องเที่ยวมักต้องไปถ่ายอัพรูปกับร้านเครปในบริเวณนั้น

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : ตั้งแต่ 09.00 -21.00 น.
การเดินทาง : Yamanote Line มาลงที่สถานี Harajuku


13. โตเกียวดิสนีย์แลนด์ : Tokyo Disneyland

วิธีเดินทาง ไป ที่เที่ยว โตเกียว โตเกียวดิสนีย์แลนด์ : Tokyo Disneyland

สวนสนุกอันโด่งดังจากค่ายวอลท์ดิสนีย์ โดยสาขาที่ญี่ปุ่นนี้เป็นสาขาแรกที่ถูกเลือกให้สร้างเป็นที่แรก นอกดินแดนอเมริกา เปิดใช้งานครั้งแรก 1983 ท่านใดชอบการ์ตูนจากค่ายนี้ จะได้เห็นมาสค็อตออกมาโลดแล่นตัวเป็นๆ นักท่องเที่ยวปีละ 20 ล้านคนเข้ามาที่นี่

Tokyo Disneyland เป็นที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น มีมุมถ่ายรูปไม่ว่ามุมไหนก็สวย และอย่าลืมดูขบวนพาเลซที่เป็นไฮไลท์หลัก ที่จะมีพระเอก นางเอกจากการตูนเทพนิยายออกมารวมตัวกัน 1 วันมี 2 รอบ กลางวันและกลางคืนจะมีความสวยต่างกัน ข้างๆยังมี Tokyo Disney Sea อีกด้วย เป็นสวนสนุกของ Disney ที่เดียวในโลกที่ห้ามพลาดเมื่อมาญี่ปุ่น นับเป็นที่จุดท่องเที่ยวสำคัญสำหรับ ที่เที่ยว โตเกียว 2 สวนสนุกระดับโลก
ค่าเข้าชม : 6,400 เยน
เวลาเปิด-ปิด : 9:00-22:00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ 8:00-22:00 น.
การเดินทาง : JR Maihama Station เดินประมาณ 5 นาที หรือขึ้นรถไฟ Disney resort ไปลงสถานีรถไฟ Tokyo Disneyland Station ถึงเลย


14. ซานริโอ พูโระแลนด์ : Sanrio Puroland

วิธีเดินทาง ไป ซานริโอ พูโระแลนด์ : Sanrio Puroland

ธีมปาร์คใหญ่อีกแห่ง ที่สายหวานฟรุ้งฟริ้ง สาวก Hello Kitty, Little Twin Stars และ My Melody ต้องมาเติมเต็มความชอบของตัวเอง มีการแสดงของตัวละครน่ารักสุดแบ๊วเหล่านี้ มีขบวนพาเหรด โดยมี คิตตี้ นำทัพชาวแก๊งค์ โดยในโลกของสีชมพูและสีพาสเทล จะมีการเปิดบ้านของคิดตี้ ที่สาวๆในไทยหลงใหลหนักมาก ได้ชื่นชมอย่างเต็มอิ่ม ทั้งห้องนอน ห้องแต่งตัว ห้องนั่งเล่น และจุดขายของที่ระลึกลิขสิทธิ์ ที่เป็นเป้าหมายของการซื้อติดไม่ติดมือกลับบ้าน ใครชอบขอเชิญเลยที่ Sanrio Puroland

ค่าเข้าชม : จองล่วงหน้า ผู้ใหญ่ 4,000 เยน เด็กประถม 3,700 เยน เด็กเล็ก 3,000 เยน
– ซื้อหน้าทางเข้า ผู้ใหญ่4,400 เยน เด็กประถม4,000 เยน เด็กเล็ก 3,300 เยน
เวลาเปิด-ปิด : 9:30-18:00 น.
การเดินทาง : Keio Line ลงสถานี Tama Center แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที


15. อากิฮาบาระ : Akihabara

วิธีเดินทาง ไป อากิฮาบาระ : Akihabara

ทีเด็ดของเหล่าสายเกมส์ โมเดล และเครื่องใช้ IT เหมาะกับโซนย่านนี้ที่สุด โดยคนญี่ปุ่นเรียกที่นี้ง่ายๆว่า อากิบะ เป็นเมืองตลาดอิเล็กทรอนิกส์ คอมฯ โน๊สบุค โทรศัพท์มือถือ กล้อง โดยนอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงเรื่องการเป็นย่าน โอตาคุ ที่มีร้านหนังสือการ์ตูน อนิเมะ มังงะ วิดีโอ เกมส์ไพ่ ของสะสม เกี่ยวกับการ์ตูนและเกมส์ดังมากมาย และเมดคาเฟ่ ที่จะมีสาวสวยสวมชุดเมดตามการ์ตูนต่างๆ ออกมาเสิร์ฟกาแฟให้ขนลุกซู่กัน เอาใจเหล่าโอตาคุที่จะเข้ามาเดินเล่นหรือซื้อจับจ่ายของหายาก เกี่ยวกับเกมส์และการ์ตูนที่ต้องมาหาที่นี่เท่านั้น

ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาเปิด-ปิด : มีการปิดการจราจร (ถนนคนเดิน) ทุกวันอาทิตย์ 13.00 – 18.00 น. ยกเว้นเดือนตุลาคม-มีนาคม จะปิดถนนถึงประมาณ 17.00 น
การเดินทาง : JR สาย Yamanote Line ลงสถานี Akihabara เดินต่อประมาณ 5 นาที
– Ginza Line ลงสถานี Suehirocho เดินต่อประมาณ 5 นาที


สถานที่ ท่องเที่ยว ที่เที่ยว โตเกียว แลนด์มาร์ค ทั้งหมดนี้ เป็นสถานที่แนะนำ อยากให้ทุกท่านไปสัมผัสสักครั้ง ซึ่งอาจจะมีท่านที่เคยไปแล้ว และยังไม่เคยไป โดยนอกจากนี้ญี่ปุ่นก็ยังมีตัวเลือก แหล่งท่องเที่ยวอีกมากที่สวยงาม และรอมอบความสุขให้กับนักท่องเที่ยว โดยหากท่านใดยังลังเลหาที่ไปไม่ถูก ตามรอบลิสต์ของเราก็ได้ รับประกันความประทับใจ หวังว่าทุกท่านจะชอบกับทุกท่องเที่ยวที่ได้แนะนำไป เพื่อนๆ สามารถติดตามอ่านบทความ ชิคๆ ฮิปๆ อีกมากมายที่ https://inclinehs.org

Facebook : https://www.facebook.com/Arainei-682674168848730